แก้อาการ ใช้ Chrome เล่นเน็ตไม่ได้
ไปที่ run ก่อน แล้วพิมพ์ตามนี้ครับ chrome.exe -no-sandbox
กด ENTER ลองเข้าเว็บครับ
วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555
windows 7 เข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่ได้
บางท่านอาจจะเกิดหลังจาก ลงโปรแกรมต่าง ๆ แล้วรีสตาร์ทเครื่อง หรืออาจจะเกิดจากไวรัส
ซึ่งปัญหานี้ผมก็ได้ประสบมากับตัวเอง ก็พยายามหาหลายวิธีหรือแม้กระทั่งล้างเครื่องลงใหม่ เช็คสายแลน เช็คเร้าท์เตอร์ Fix IP รีแพ windows ลง IE หรือแม้แต่ บราวด์เซอร์ ตัวอื่น ๆก็ยังเข้าใช้งานเน็ทไม่ได้ (เครื่องอื่นใช้งานได้ปกติ) มีเครื่องผมเครื่องเดียวที่เข้าใช้งานไม่ได้เล่นทำเอาผมงง ไปเลยทีเดียว ผมก็เลยไล่เช็คตามเสตป พื้นฐานเริ่มจาก
Ping คืออะไร
Ping คือคำสั่งสำหรับการทดสอบระบบเน็ตเวิร์ค สามารถทำสอบได้ทั้งในระบบเครือข่ายในองค์กร หรืออินเตอร์เน็ต ทำให้เราทราบว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ได้หรือไม่ หรือเว็บไซต์นั้นเปิดอยู่หรือไม่? เราสามารถใช้คำสั่ง Ping ผ่านทาง DOS command ได้
วิธีใช้คำสั่ง Ping
คลิกเมนู Start
คลิกเลือกคำสั่ง Run
พิมพ์คำว่า cmd และกดปุ่ม enter ตาม
จะได้หน้าต่างสีดำ
ให้พิมพ์คำว่า ping google.com
จะเห็นคำว่า "Reply from ... " แสดงเว็บไซต์นี้ไม่มีปัญหา ดูที่ซ้ายมือของท่านนะครับ
แต่ถ้าขึ้น Time out แสดงว่าเว็บมีปัญหา
ทำไม Ping ได้แต่เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้
ปัญหา นี้อาจเกิดจากโปรแกรม Winsock ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีปัญหา วิธีการแก้ไขเบื้องต้น ก็คือการ reset Winsock นี้ เราสามารถทำได้โดยผ่าน DOS command เช่นเดียวกัน
วิธี Reset Winsock
คลิกเมนู Start
คลิกเลือกคำสั่ง Run
พิมพ์คำว่า cmd และกดปุ่ม enter ตาม
จะได้หน้าต่างสีดำ
ให้พิมพ์คำว่า "netsh winsock reset" และกดปุ่ม enter ตาม
จากนั้นให้ restart Windows ใหม่ และลองเข้าอินเตอร์เน็ตดู
หลังจากได้ทำทุกวิธีแล้ว ผลปรากฎว่า ยังใช้งานอินเตอร์เน็ทไม่ได้ ผมคิดได้ว่าลงโปรแกรมตัวสุดท้ายไปคือ
โปรแกรม download IDM 6.0 beta ผมเลยลองลบมันออกแบบถอนรากถอนโคลนแล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่
ผลปรากฎว่าใช้งานอินเตอร์เน์ทได้เป็นปกติเลย พระเจ้าจ๊อด เป็นไปได้ไง อย่างนี้ก็มี
ทีนี้ผมลองลง IDM 6.8 ใช้งานได้ปกติ
ขอสรุปเลยละกัน ปัญหาที่หลายคนอาจมองข้ามก็ได้นะครับ
ปล.เจอมา 5 เครื่อง อาการเหมือนของผมส่วนใหญ่ลง IDM ลบแล้วหาย เข้าเน็ตได้
ส่วนท่านที่เข้าเน็ตไม่ได้ไม่ได้ลง IDM ลองแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ผมได้กล่าวไปแล้วดูนะครับ
ส่วนโปรแกรม Fix IP หรือ ซ่อมแซมลองหาดูใน google ครับ หรือถ้าท่านไดอยากได้ก็เข้าไปหัวข้อ ตอบปัญหาคอมดูนะครับ
ซึ่งปัญหานี้ผมก็ได้ประสบมากับตัวเอง ก็พยายามหาหลายวิธีหรือแม้กระทั่งล้างเครื่องลงใหม่ เช็คสายแลน เช็คเร้าท์เตอร์ Fix IP รีแพ windows ลง IE หรือแม้แต่ บราวด์เซอร์ ตัวอื่น ๆก็ยังเข้าใช้งานเน็ทไม่ได้ (เครื่องอื่นใช้งานได้ปกติ) มีเครื่องผมเครื่องเดียวที่เข้าใช้งานไม่ได้เล่นทำเอาผมงง ไปเลยทีเดียว ผมก็เลยไล่เช็คตามเสตป พื้นฐานเริ่มจาก
Ping คืออะไร
Ping คือคำสั่งสำหรับการทดสอบระบบเน็ตเวิร์ค สามารถทำสอบได้ทั้งในระบบเครือข่ายในองค์กร หรืออินเตอร์เน็ต ทำให้เราทราบว่า เราสามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ได้หรือไม่ หรือเว็บไซต์นั้นเปิดอยู่หรือไม่? เราสามารถใช้คำสั่ง Ping ผ่านทาง DOS command ได้
วิธีใช้คำสั่ง Ping
คลิกเมนู Start
คลิกเลือกคำสั่ง Run
พิมพ์คำว่า cmd และกดปุ่ม enter ตาม
จะได้หน้าต่างสีดำ
ให้พิมพ์คำว่า ping google.com
จะเห็นคำว่า "Reply from ... " แสดงเว็บไซต์นี้ไม่มีปัญหา ดูที่ซ้ายมือของท่านนะครับ
แต่ถ้าขึ้น Time out แสดงว่าเว็บมีปัญหา
ทำไม Ping ได้แต่เข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้
ปัญหา นี้อาจเกิดจากโปรแกรม Winsock ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีปัญหา วิธีการแก้ไขเบื้องต้น ก็คือการ reset Winsock นี้ เราสามารถทำได้โดยผ่าน DOS command เช่นเดียวกัน
วิธี Reset Winsock
คลิกเมนู Start
คลิกเลือกคำสั่ง Run
พิมพ์คำว่า cmd และกดปุ่ม enter ตาม
จะได้หน้าต่างสีดำ
ให้พิมพ์คำว่า "netsh winsock reset" และกดปุ่ม enter ตาม
จากนั้นให้ restart Windows ใหม่ และลองเข้าอินเตอร์เน็ตดู
หลังจากได้ทำทุกวิธีแล้ว ผลปรากฎว่า ยังใช้งานอินเตอร์เน็ทไม่ได้ ผมคิดได้ว่าลงโปรแกรมตัวสุดท้ายไปคือ
โปรแกรม download IDM 6.0 beta ผมเลยลองลบมันออกแบบถอนรากถอนโคลนแล้วรีสตาร์ทเครื่องใหม่
ผลปรากฎว่าใช้งานอินเตอร์เน์ทได้เป็นปกติเลย พระเจ้าจ๊อด เป็นไปได้ไง อย่างนี้ก็มี
ทีนี้ผมลองลง IDM 6.8 ใช้งานได้ปกติ
ขอสรุปเลยละกัน ปัญหาที่หลายคนอาจมองข้ามก็ได้นะครับ
ปล.เจอมา 5 เครื่อง อาการเหมือนของผมส่วนใหญ่ลง IDM ลบแล้วหาย เข้าเน็ตได้
ส่วนท่านที่เข้าเน็ตไม่ได้ไม่ได้ลง IDM ลองแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ผมได้กล่าวไปแล้วดูนะครับ
ส่วนโปรแกรม Fix IP หรือ ซ่อมแซมลองหาดูใน google ครับ หรือถ้าท่านไดอยากได้ก็เข้าไปหัวข้อ ตอบปัญหาคอมดูนะครับ
วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์
วิธีแก้ไวรัส ซ่อนไฟล์ แฟลชไดรฟ์
++ แก้ไวรัสซ่อนไฟล์ ได้ทุกกรณี 100% วิธีนี้ใช้ได้เกือบจะทั้งหมด เพราะ วินโดซ์ จะมี OS แถมมาให้อยู่แล้ว+++
แล้วเอามาประยุกต์ใช้กับ Card Reader หรือ ไดรฟ์อื่น ในเครื่องก็ได้นะหรือถ้าโดนไวรัส บล็อค Folder option ก็สามารถแก้ได้เสียบแฟลชไดรฟ์ แล้ว สังเกตุว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยุ๋ที่ไดรฟ์ไหน
ทำตามนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น ของผมอยู๋ไดรฟ์ H:หลังจากนั้น เข้าไปที่ Command Propmt โดยการเข้าไปที่
Start —> Run —–> แล้วพิมคำว่า cmd แล้วกด Enterหรืออีกวิธี
เข้าไปที่ Start —>Programs—–>Acessories——>Command Propmt จะเข้าหน้าจอดังนี้
C:\Document and Settings\Administrator> (บางคนอาจไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องสนใจ)
อันนี้คือหน้าจอเครื่องผม > ผมลง Windows ไว้ ไดรฟ์ C: เลยเป็น C:\Document and
Settings\\Administrator>
+++ขั้นตอนที่ 2 ให้เราพิมพ์ คำสั่ง เพื่อสลับไปที่ ไดรฟ์แฟลชไดรฟ์ เช่น แฟลชไดรฟ์ผมอยุ่ H:
G:\Document and Settings\Administrator> h: <—– พิม h: แล้วกด Enter
จะมาขึ้นดังนี้ิ H:\> (อันนี้ แล้วแต่ว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยู่ ไหน ถ้า อยู๋ที่ G: ก็พิมพ์ g: )
หลังจากนั้นเป็นส่วนสำคัญคือการ ใส่คำสั่งAttribute
H:\> attrib *.* -s -h -a -r /d /s (เว้น ช่องไฟด้วยนะครับ)
แล้วรอซํกครู่ ให้มันทำงานจนกลับไปที่
H:\>
หลังจากนั้นให้กลับไปดูที่แฟลชไดรฟ์คุณ จะเห็นว่า ไฟล์ที่ซ่อนไว้ถูกแสดงหมด
หากมีปัญหาอะไรถามได้นะครับ บายๆ
++ แก้ไวรัสซ่อนไฟล์ ได้ทุกกรณี 100% วิธีนี้ใช้ได้เกือบจะทั้งหมด เพราะ วินโดซ์ จะมี OS แถมมาให้อยู่แล้ว+++
แล้วเอามาประยุกต์ใช้กับ Card Reader หรือ ไดรฟ์อื่น ในเครื่องก็ได้นะหรือถ้าโดนไวรัส บล็อค Folder option ก็สามารถแก้ได้เสียบแฟลชไดรฟ์ แล้ว สังเกตุว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยุ๋ที่ไดรฟ์ไหน
ทำตามนะครับ
ยกตัวอย่างเช่น ของผมอยู๋ไดรฟ์ H:หลังจากนั้น เข้าไปที่ Command Propmt โดยการเข้าไปที่
Start —> Run —–> แล้วพิมคำว่า cmd แล้วกด Enterหรืออีกวิธี
เข้าไปที่ Start —>Programs—–>Acessories——>Command Propmt จะเข้าหน้าจอดังนี้
C:\Document and Settings\Administrator> (บางคนอาจไม่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องสนใจ)
อันนี้คือหน้าจอเครื่องผม > ผมลง Windows ไว้ ไดรฟ์ C: เลยเป็น C:\Document and
Settings\\Administrator>
+++ขั้นตอนที่ 2 ให้เราพิมพ์ คำสั่ง เพื่อสลับไปที่ ไดรฟ์แฟลชไดรฟ์ เช่น แฟลชไดรฟ์ผมอยุ่ H:
G:\Document and Settings\Administrator> h: <—– พิม h: แล้วกด Enter
จะมาขึ้นดังนี้ิ H:\> (อันนี้ แล้วแต่ว่า แฟลชไดรฟ์ คุณอยู่ ไหน ถ้า อยู๋ที่ G: ก็พิมพ์ g: )
หลังจากนั้นเป็นส่วนสำคัญคือการ ใส่คำสั่งAttribute
H:\> attrib *.* -s -h -a -r /d /s (เว้น ช่องไฟด้วยนะครับ)
แล้วรอซํกครู่ ให้มันทำงานจนกลับไปที่
H:\>
หลังจากนั้นให้กลับไปดูที่แฟลชไดรฟ์คุณ จะเห็นว่า ไฟล์ที่ซ่อนไว้ถูกแสดงหมด
หากมีปัญหาอะไรถามได้นะครับ บายๆ
วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
การทำ Hiren Boot 10.0 ให้บูทได้จาก USB
ไฟล์เต็มๆของ Hiren Boot 10.0 ขนาดประมาณเกือบ 200 MB
แต่ยังคงมี Mini Windows XP อยู่ในไฟล์ที่ผมให้โหลดด้วย
ดาวน์โหลดได้ที่นี่
ดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็แตกไฟล์ไว้ที่ไหนก็ได้ จมีลำดับขั้นตอนตามรูป
ก็ให้เสียบแฟลชไดร์แล้วทำขั้นตอนฟอแมทก่อนครับ
เสร็จแล้วก็มาทำขั้นตอนที่ 2 ดับเบิ้ลคลิกที่ gubinst_gui แล้วทำตามรูป
หน้าต่างนี้กด Enter แล้วกด Quit ออกมาเลยครับ
จากนั้นก็มาที่ขั้นตอนที่ 3 ให้ก็อปปี้ไฟล์ทั้งหมดตามรูปไปใส่ไว้ในแฟลชไดร์
ทีนี้ก็ลองบูทดูเลยครับ ก็จะได้ Hiren Boot 10.0 ที่บูทได้จาก USB แล้วครับ
แต่ยังคงมี Mini Windows XP อยู่ในไฟล์ที่ผมให้โหลดด้วย
ดาวน์โหลดได้ที่นี่
ดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็แตกไฟล์ไว้ที่ไหนก็ได้ จมีลำดับขั้นตอนตามรูป
ก็ให้เสียบแฟลชไดร์แล้วทำขั้นตอนฟอแมทก่อนครับ
เสร็จแล้วก็มาทำขั้นตอนที่ 2 ดับเบิ้ลคลิกที่ gubinst_gui แล้วทำตามรูป
หน้าต่างนี้กด Enter แล้วกด Quit ออกมาเลยครับ
จากนั้นก็มาที่ขั้นตอนที่ 3 ให้ก็อปปี้ไฟล์ทั้งหมดตามรูปไปใส่ไว้ในแฟลชไดร์
ทีนี้ก็ลองบูทดูเลยครับ ก็จะได้ Hiren Boot 10.0 ที่บูทได้จาก USB แล้วครับ
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
รูปที่เรา Tag เพื่อนไปใน Facebook ทำไมเพื่อนของเพื่อน Comment รูปเราได้
โดยเราสามารถตั้งค่าขณะที่เราจะโพสรูปใหม่ หรือถ้าเราโพสไปแล้วก็ไปที่แก้ไขรูปภาพ จะขึ้นหน้าต่าง ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวขึ้นมา จากนั้นเอาเครื่องหมายที่ "เพื่อนของคนที่ถูกติดป้าย" ออกครับ
ถึงแม้ว่าเราจะตั้งค่าความเป็นส่วนตัวใน Facebook แล้วว่าให้แสดง
“เฉพาะเพื่อน” แต่ในกรณีที่เราโพสรูปแล้วเกิดเราต้องการติด Tag เพื่อน
จะเห็นว่าหลังๆนี้จะมี “เพื่อนของเพื่อน” สามารถที่จะมา comment
ที่รูปของเราได้ด้วย
ซึ่งบางทีเราก็รำคาญเพราะเป็นคนที่เราไม่รู้จักอะไรแบบนี้
วันนี้มีวิธีตั้งค่าที่จะไม่ให้เพื่อนของเพื่อนมา comment
หรือเห็นรูปที่เรา Tag เพื่อนของเราไปครับ
หรือถ้าต้องการตั้งค่าตลอด โดยไม่ต้องมาคอยเปลี่ยนก็ไปที่ ตั้งค่าความเปนส่วนตัว
แล้วไปที่ Who can see what others post on you timeline ?
จากนั้นก็เอาเครื่องหมายหน้าที่ "เพื่อนของคนที่ถูกติดป้าย" ออกครับ
เพียงเท่านี้ เพื่อนของเพื่อนที่เรา Tag ไปก็จะไม่สามารถเห็นรูปของเราที่เรา Tag เพื่อนและไม่สามารถมา comment ได้แล้ว
เครดิต http://whoknown.blogspot.com
วิธีตรวจสอบหน้าจอมือถือ Samsung (LCD TEST for Samsung Phones)
เมื่อไปซื้อเครื่องโทรศัพท์ใหม่ สำหรับยี่ห้อ Samsung
นอกจากเราจะตรวจดูภายนอกตัวเครื่องล้ว ยังมีวิธีการตรวจสอบการใช้งาน
Function อีกด้วย การทดสอบเครื่องง่าย ๆก็คือกด *#0*# สำหรับใช้ในวันรับเครื่อง Samsung ครับ ซึ่งจะเข้าสู่โหมด LCD Test ดังรูปด้านล่าง
เมื่อเข้าหน้า LCD TEST ก็จะมีอยู่ 12 หัวข้อในเครื่องรุ่นนี้ (ผู้เขียนใช้ Samsung Galaxy Y ในการทดสอบ) ซึ่งในรุ่นอื่นๆ อาจจะมีหัวข้อการทดสอบมากกว่านี้ เช่น S2 ,S3 ก็จะมีหัวห้อทดสอบ Front CAM ทดสอบกล้องหน้าด้วย
ในเครื่องรุ่นนี้จะประกอบด้วยหัวข้อ
1.red เป็นการทดสอบแสงสีแดงเราก็ดูว่ามีจุด dead pixel บ้างหรือไม่ ส่วนมากจะเป็นสีขาว หรือสีดำหรือสีอื่นๆก็ได้ ถ้าไม่มีก็แสดงว่าผ่าน แต่ถ้ามีก็ต้องดูว่ามันเยอะแค่ไหน เพราะถ้าเยอะจนเป็นเส้นสีขาวยาวๆ แบบนั้นก็คงต้องขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งปกติทางร้านก็จะมีกำหนดไว้ว่า มีเกินกี่จุดจึงจะเปลี่ยนเครื่องให้ ส่วนมากก็จะนับที่ 5 จุดขึ้นไป
2.green สีเขียว
3.blue สีน้ำเงิน
4.Receiver (White) ตอนนี้หน้าจอจะเป็นจอสีขาว
5.vibration (Black) จะเป็นจอสีดำและเครื่องจะสั่น ทดสอบการสั่นของเครื่อง
6.dimming เป็นการลดความสว่าง หรือทำให้สว่างได้ โดยกดเลือกตามระดับของสีนั้นๆ
7.megacam ก็จะเป็นการตรวจการทำงานของกล้อง
8. Sensor ก็เป็นการเชค sensor ของเครื่อง
9.touch ก็จะมีตารางให้เราลากทดสอบ เป็นช่องสี่เหลี่ยมและเรียงเป็นแถวๆไว้
ให้เราลากตามตาราง มันก็จะโชว์เส้นสีดำ แล้วไฮไลท์เป็นสีเขียวตามช่องที่เราลาก เมื่อครบทุกแถว ก็จะโชว์ PASS
10.sleepmode เครื่องก็จะดับไปคล้ายๆเรากดให้อยู่ในสภาวะ lock เครื่องไว้
11.SPEAKER เมื่อกดโทรศัพท์ก็จะเล่นไฟล์เสียงในเครื่อง
12.Sub Key ส่วนตัวนี้ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจว่ามันสามารถตรวจเช็คอะไร คือพอกดเข้าไปในรุ่นนี้ มันก็โชว์หน้าจอเป็นสีแดง และสีน้ำเงิน เหมือนกับการกดปุ่ม red และ blue เพียงแต่มันสลับไประหว่าสองสีนี้ หากว่าได้ข้อชัดเจน จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เห็นไหมละครับ ว่าง่ายๆแค่นี้ เราก็สามารถตรวจสอบเครื่องเราในเบื้องต้นได้แล้ว (เพราะบางร้านแม้แต่พนักงานเอง ก็ไม่ได้บอกให้เราตรวจสอบถึงขนาดนี้) เราก็จะได้มั่นใจในระดับนึงว่า Function เบื้องต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น ใช้ง่ายได้ดี
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
1.Update Firmware Samsung GALAXY Y
2.Update Firmware : SAMSUNG Galaxy Mini
เครดิต http://whoknown.blogspot.com/
เมื่อเข้าหน้า LCD TEST ก็จะมีอยู่ 12 หัวข้อในเครื่องรุ่นนี้ (ผู้เขียนใช้ Samsung Galaxy Y ในการทดสอบ) ซึ่งในรุ่นอื่นๆ อาจจะมีหัวข้อการทดสอบมากกว่านี้ เช่น S2 ,S3 ก็จะมีหัวห้อทดสอบ Front CAM ทดสอบกล้องหน้าด้วย
ในเครื่องรุ่นนี้จะประกอบด้วยหัวข้อ
- red
- green
- blue
- Receiver (White)
- vibration (Black)
- dimming
- megacam
- Sensor
- touch
- sleepmode
- SPEAKER
- Sub Key
1.red เป็นการทดสอบแสงสีแดงเราก็ดูว่ามีจุด dead pixel บ้างหรือไม่ ส่วนมากจะเป็นสีขาว หรือสีดำหรือสีอื่นๆก็ได้ ถ้าไม่มีก็แสดงว่าผ่าน แต่ถ้ามีก็ต้องดูว่ามันเยอะแค่ไหน เพราะถ้าเยอะจนเป็นเส้นสีขาวยาวๆ แบบนั้นก็คงต้องขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งปกติทางร้านก็จะมีกำหนดไว้ว่า มีเกินกี่จุดจึงจะเปลี่ยนเครื่องให้ ส่วนมากก็จะนับที่ 5 จุดขึ้นไป
2.green สีเขียว
3.blue สีน้ำเงิน
4.Receiver (White) ตอนนี้หน้าจอจะเป็นจอสีขาว
จะเป็นจอสีขาว |
5.vibration (Black) จะเป็นจอสีดำและเครื่องจะสั่น ทดสอบการสั่นของเครื่อง
จะเป็นจอสีดำและเครื่องจะสั่น |
6.dimming เป็นการลดความสว่าง หรือทำให้สว่างได้ โดยกดเลือกตามระดับของสีนั้นๆ
7.megacam ก็จะเป็นการตรวจการทำงานของกล้อง
8. Sensor ก็เป็นการเชค sensor ของเครื่อง
9.touch ก็จะมีตารางให้เราลากทดสอบ เป็นช่องสี่เหลี่ยมและเรียงเป็นแถวๆไว้
ให้เราลากตามตาราง มันก็จะโชว์เส้นสีดำ แล้วไฮไลท์เป็นสีเขียวตามช่องที่เราลาก เมื่อครบทุกแถว ก็จะโชว์ PASS
10.sleepmode เครื่องก็จะดับไปคล้ายๆเรากดให้อยู่ในสภาวะ lock เครื่องไว้
11.SPEAKER เมื่อกดโทรศัพท์ก็จะเล่นไฟล์เสียงในเครื่อง
12.Sub Key ส่วนตัวนี้ผู้เขียนก็ไม่แน่ใจว่ามันสามารถตรวจเช็คอะไร คือพอกดเข้าไปในรุ่นนี้ มันก็โชว์หน้าจอเป็นสีแดง และสีน้ำเงิน เหมือนกับการกดปุ่ม red และ blue เพียงแต่มันสลับไประหว่าสองสีนี้ หากว่าได้ข้อชัดเจน จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
เห็นไหมละครับ ว่าง่ายๆแค่นี้ เราก็สามารถตรวจสอบเครื่องเราในเบื้องต้นได้แล้ว (เพราะบางร้านแม้แต่พนักงานเอง ก็ไม่ได้บอกให้เราตรวจสอบถึงขนาดนี้) เราก็จะได้มั่นใจในระดับนึงว่า Function เบื้องต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น ใช้ง่ายได้ดี
ยังมีส่วนที่เกี่ยวกับการกดดู Service mode ของเครื่องซึ่งจะกล่าวในโอกาสต่อไปครับ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
1.Update Firmware Samsung GALAXY Y
2.Update Firmware : SAMSUNG Galaxy Mini
เครดิต http://whoknown.blogspot.com/
เช็คเบอร์เครือข่ายมือถือ
มาดูกันเลยครับ
True Move
เช็คเบอร์คนอื่น *933*เบอร์โทร# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง *933# แล้วโทรออก
เช็คยอดเงิน #123# แล้วโทรออกAIS
เช็คเบอร์คนอื่น *727*เบอร์โทร# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง *545# แล้วโทรออก
เช็คยอดเงิน *121# แล้วโทรออก
DTAC
เช็คเบอร์คนอื่น *102*เบอร์โทร# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง *102# แล้วโทรออก
เช็คยอดเงิน *101# แล้วโทรออก
ของ Dtac ถ้ากดดูเบอร์เรา มันก็จะบอกว่าเราใช้เบอร์นั้นมานานเท่าไหรแล้วด้วย
****และยังมีอีกที่หนึ่ง ที่พอจะไว้ใจได้ว่าตรง เพราะเป็นเว็บของ กสทช
เข้าไปเช็คได้ที่นี่ ตรวจสอบผู้ใหับริการเลขหมายโทรศัพท์ประจำที่และโทรศัพท์เคลื่อนที่วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2555
การแก้ปัญหาเปิดไฟล์ไม่ได้ (open with) ใน Windows 7
วันนี้เจอผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ตท่านหนึ่งมีปัญหาดังนี้ครับ “อยากทราบว่าจะแก้ไขยังไงค่ะ เพราะ ตอนนี้โปรแกรมในคอมทุกตัวกลายเป็นไฟล์ word หมดเลยค่ะ เพราะน้องสาวไปโหลดโปรแกรมอะไรมาสักอย่าง แล้วมัน ให้ open with เลยเลือก word หลังจากนั้นก้อกลายเป็นแบบนี้ค่ะ ใครรู้วิธีแก้ช่วยบอกหน่อยนะค่ะ window 7 ค่ะ” ผมเชื่อว่า หลายคนอาจจะเจอปัญหานี้ วันนี้เราลองมาดูวิธีการแก้ปัญหากันนะครับ
สาเหตุของปัญหานี้ เกิดจากการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีนามสกุล .exe หรือไฟล์อื่นๆ แล้ว Windows ได้ถามประมาณว่า “จะใช้โปรแกรมอะไรเปิดไฟล์ตัวนี้จ้ะ?” (Open With…) หลายคนก็ดันไปเลืิอก Word, Excel หรือ Media Player ฯลฯ ผลปรากฎก็คือ “ทุกโปรแกรมในเครื่องเปิดไม่ได้เลย”
การแก้ไขปัญหานี้ ให้คุณทำการดาวน์โหลดไฟล์ Registry ตัวที่อยู่ด้านล่างนี้ครับ
ดาวน์โหลด Reg Import Fix Window7
โดยไฟล์ตัวนี้จะทำการแก้ไขให้กลับไปเป็นค่าปกติของ Windows 7 ครับ การใช้งานก็แค่
ดาวน์โหลด ->คลาย Zip ->ดับเบิ้ลคลิ้ก->กด-Yes -> Restart เครื่องสักหนึ่งที
(หากไม่มีโปรแกรมคลาย Zip ดาวน์โหลดจากลิ้งค์นี้ได้เลยครับ ดาวน์โหลด4Shared
เสร็จแล้วครับ!
หวังว่าคงจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณ
บทความนี้เขียนขึ้นโดย Kittin จากเว็บไซต์ manacomputers.com ได้รับความคุ้มครองตามสัญญาอนุญาต CC 3.0
สาเหตุของปัญหานี้ เกิดจากการดาวน์โหลดไฟล์ที่มีนามสกุล .exe หรือไฟล์อื่นๆ แล้ว Windows ได้ถามประมาณว่า “จะใช้โปรแกรมอะไรเปิดไฟล์ตัวนี้จ้ะ?” (Open With…) หลายคนก็ดันไปเลืิอก Word, Excel หรือ Media Player ฯลฯ ผลปรากฎก็คือ “ทุกโปรแกรมในเครื่องเปิดไม่ได้เลย”
การแก้ไขปัญหานี้ ให้คุณทำการดาวน์โหลดไฟล์ Registry ตัวที่อยู่ด้านล่างนี้ครับ
ดาวน์โหลด Reg Import Fix Window7
โดยไฟล์ตัวนี้จะทำการแก้ไขให้กลับไปเป็นค่าปกติของ Windows 7 ครับ การใช้งานก็แค่
(หากไม่มีโปรแกรมคลาย Zip ดาวน์โหลดจากลิ้งค์นี้ได้เลยครับ ดาวน์โหลด4Shared
เสร็จแล้วครับ!
หวังว่าคงจะช่วยคุณได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
ขอบคุณ
บทความนี้เขียนขึ้นโดย Kittin จากเว็บไซต์ manacomputers.com ได้รับความคุ้มครองตามสัญญาอนุญาต CC 3.0
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2555
วิธี แชร์เน็ต โดยเครื่องแม่รับสัญญาณไวเลส แล้ว แชร์ให้เครื่องลูกผ่านสายแลน
สอนทำ adhoc แบบง่ายๆ โดยเครื่องแม่(Master ใช้ windows xp/7) รับสัญญาณไวเลส แล้วแชร์ให้เครื่องลูก(Slave ใช้ windows xp/7) ผ่านสายแลน นะครับ
1. เครื่องแม่(Master)เซต wireless lan เพื่อให้แชร์อินเตอร์เน็ตแบบ adhoc ได้ ตามรูป 1 ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Master.1)
2.เซต local lan(ที่ไม่ใช่ไอคอน wireless lan) ตามรูป 2 ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Master.2)
3. เครื่องลูก(Slave) เซต local lan ตามรูปข้างล่างเพื่อให้ เครื่อง 2 รับสัญญาณ adhoc ของเครื่องแม่ได้ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Slave.1)
4. เสียบสายแลนของทั้ง 2 เครื่องเข้าด้วยกัน ถ้าสำเร็จ จะขึ้นไอคอน connected ที่มุมขวาว่าเชื่อมต่อกับเนตเวิร์กได้ แล้วเทสเข้าเว็บก็เป็นอันจบวิธี
ก็เป็นอันจบวิธีการทำ adhoc แบบรับสัญญาณไวเลสแล้วแชร์ด้วยแลนพอร์ท แบบง่ายๆนะครับ สามารถประยุกต์กับเครื่อง windows 7 ได้ครับ
Short link: http://taxze.com/?p=96
Canonical link: http://www.taxze.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%b3-ad-hoc-%e0%b9%81%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b9%87%e0%b8%95-xp7-to-xp7/
1. เครื่องแม่(Master)เซต wireless lan เพื่อให้แชร์อินเตอร์เน็ตแบบ adhoc ได้ ตามรูป 1 ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Master.1)
2.เซต local lan(ที่ไม่ใช่ไอคอน wireless lan) ตามรูป 2 ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Master.2)
3. เครื่องลูก(Slave) เซต local lan ตามรูปข้างล่างเพื่อให้ เครื่อง 2 รับสัญญาณ adhoc ของเครื่องแม่ได้ครับ
วิธีทำ Adhoc windows xp/7 (Slave.1)
4. เสียบสายแลนของทั้ง 2 เครื่องเข้าด้วยกัน ถ้าสำเร็จ จะขึ้นไอคอน connected ที่มุมขวาว่าเชื่อมต่อกับเนตเวิร์กได้ แล้วเทสเข้าเว็บก็เป็นอันจบวิธี
ก็เป็นอันจบวิธีการทำ adhoc แบบรับสัญญาณไวเลสแล้วแชร์ด้วยแลนพอร์ท แบบง่ายๆนะครับ สามารถประยุกต์กับเครื่อง windows 7 ได้ครับ
Short link: http://taxze.com/?p=96
Canonical link: http://www.taxze.com/%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%98%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%b3-ad-hoc-%e0%b9%81%e0%b8%8a%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b9%87%e0%b8%95-xp7-to-xp7/
วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555
วิธี reset ซับหมึก mp145
ไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊กให้วุ่นวายและสับสน ใช้วิธีเปิดที่ตัวเครื่องตามปกติ โดยกดปุ่ม reset และ power ค้างไว้จนไฟเขียวที่ power ขึ้น ก็กด reset 2 ครั้ง ครั้งแรกไฟส้มติดครั้งที่ 2 ดับ ให้ปล่อยปุ่ม power รอไฟเขียวนิ่ง แล้วจึงกด reset ตามจำนวนที่กำหนด ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น รีเซ็ตซับหมึกก็กด 4 ครั้ง ไฟส้มต้องติดสลับดับจึงจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง พอทำเสร็จก็ปิด power บางที่บอกให้ unplug ใครทำอย่างไหนไม่ได้ก็ลองอีกอย่าง น่าจะทำได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน ส่วนตัวเองนั้น ใช้ปิดที่ปุ่ม power แล้วเปิดใหม่เสมือนการรีสตาร์ทให้มีผลหลังการตั้งค่านั่นเอง
E8 หรือ error code 8 แปลได้ว่า ซับหมึกเต็ม มักจะเกิดหลังใช้งานเครื่องพิมพ์ได้ราวๆปีถึงปีเศษ(ระดับการใช้งานตามบ้าน) เมื่อขึ้น Error ดังกล่าว เครื่องพิมพ์จะหยุดการทำงานทุกอย่าง แม้ไม่ได้ใช้งานพิมพ์ ต้องการใช้งานสแกนเนอร์ที่ติดมาด้วย ก็จะทำไม่ได้ (ซับหมึกก็คือฟองน้ำที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ตรงตำแหน่งด้านหลังของเครื่องพิมพ์อยู่ล่างๆเลย มีหน้าที่รับหมึกส่ว่นเกินที่ระบายจากการล้างหัวพิมพ์ตอนเปิดเครื่องหรือก่อนทำการพิมพ์ตามสั่ง ระบายผ่านทางท่อยางเล็กๆที่โยงไปด้านหลังตรงตำแหน่งฟองน้ำ ฟองน้ำนี้คือซับหมึก และใช้งานไปสักปีครึ่งถ้าไม่ได้ใช้หนักมากแบบร้านค้า ก็ราวๆนั้น ซับหมึกจะเริ่มชุ่มไปด้วยหมึกรองรับต่อไปไม่ได้ เวลาพิมพ์หมึกจะเลอะล้นพิมพ์งานได้คุณภาพแย่ลง ต้องแกะไปล้างแล้วผึ่งแห้งก่อนใส่กลับเข้าไปใหม่ บางคนใช้วิธีเจาะด้านหลังโยงท่อยางเล็กๆนั้นไปต่อเข้ากับขวดเล็กๆแทน กรณีโปรแกรมแจ้งว่าซับหมึกเต็มอันนั้นเป็นกระบวนการนับเราต้องรีเซ็ตซับหมึกให้กลับไปเริ่มต้นนับใหม่ ไม่งั้นเครื่องจะไม่ทำงานต่อ)
ในระยะใช้งานหนึ่งปีเศษนั้น ตลับหมึกใหม่ที่ซื้อมาราคาแพง หัวพิมพ์ที่ติดมากับตลับมักจะเริ่มมีการอุดตันที่ไม่สามารถล้างออกได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด และจะออกอาการพิมพ์แล้วเส้นขาดๆหายๆ หรือจางบางจุด งานพิมพ์เป็นทางการทำไม่ได้ แค่พิมพ์ไว้อ่าน บางรายสาหัสถึงขั้นเติมหมึกเท่าไหร่ล้างห้วพิมพ์เท่าไหร่หมึกไม่ออกซะงั้น บางครั้งก็มาจากสาเหตุคือฟองน้ำหมดอายุอุ้มน้ำหมึกไม่ดีเท่าเดิม .. ทั้งหมดนี้สรุปว่า ถึงเวลาซื้อตลับใหม่ ..
แต่ราคาตลับใหม่นั้น ซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ได้เลยแถมไ่ม่ต้องกังวลเรื่องหมึกเลอะเทอะตรงฐานตลับที่ต่อสายยางระบายหมึกส่วนเกินออกสู่ซับหมึก ไม่ต้องกังวลเรื่องซับหมึกเต็มต้องเอาไปล้างหรือต้องรีเซ็ตซับหมึก (มิต้องซื้อทุกปีหรือนี่ !)
ผู้คนมักถามไถ่กันว่า .. หากไม่ใช้พิมพ์ เรายังใช้สแกนเนอร์ได้ไหม ..
แล้วเราก็ทำได้สำเร็จหลังงมอยู่นาน ทำตามบนเน็ตแนะนำเท่าไหร่ไม่สำเร็จ หลายคนบอกว่าทำได้ เรากลับทำไม่ได้ ทั้งๆที่ทำตามเขาทุกขั้นตอน แต่ปริศนามันอยู่ตรงนี้นี่เอง
ขั้นตอนที่ทำแล้วสำเร็จ
1. ปิดเครื่องซะก่อน .. ไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊ก ไม่งั้นจะทำไม่สำเร็จอย่างที่เรางมแทบแย่ (ให้ผลต่างกันได้ยังไงก็ยัง งงๆอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่ใช่คนเขียนโปรแกรม)
2. กดปุ่ม stop/reset ค้างไว้ แล้ว กดปุ่ม on/off ค้างตาม จน on/off ขึ้นไฟเขียว .. อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม
3. ปล่อย stop/reset ก่อน(อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม on/off) แล้วกดปุ่ม stop/reset 2 ครั้ง ครั้งแรกจะขึ้นไฟสีส้มที่ Alarm ครั้งที่สอง ไฟส้มจะหายไป
4. ทีนี้ก็ปล่อยปุ่ม on/off ได้แล้ว รอจนไฟเขียวที่กระพริบๆนั้น หยุดนิ่งเสียก่อน ซึ่งถ้าใครเคยรีเซ็ตตลับหมึกจะพอรู้ถึงขั้นตอนนี้ เพราะขั้นตอนนี้คือการเข้าสู่ service mode เหมือนกัน แต่ต่างกันที่การถอดปลั๊กเสียบปลั๊กหรือการปิดเปิดที่ตัวเครื่องตอนจะเข้า service mode ซึ่งให้ผลต่างกัน (เน้นมากกก)
เมื่อเข้าสู่ โหมด service แล้ว ก็จะนำไปสู่การรีเซ็ตต่างๆได้ โดยผ่านการกดปุ่มรีเซ็ตตาำมจำนวนที่ระบุ ที่หาได้จากเน็ตก็มีดังนี้
The number of the Reset button pressing LED Function Remarks
0 time Green Power off
1 time Orange Service pattern print
2 times Green EEPROM print
3 times Orange EEPROM reset
4 times Green Waste ink counter reset
5. พอไฟเขียวที่ on/off นิ่ง หน้าปัทม์จะขึ้น 0 (=service mode) .. กดปุ่ม stop/reset ทั้งหมด 4 ครั้ง (4 times Waste ink counter reset) ย้ำว่า แต่ละครั้งต้องมีไฟส้มติดสลับกับดับ คือ กดครั้งที่ 1 ไฟส้มที่ Alarm ติด ครั้งที่ 2 ดับ ... ฯลฯ พอครบ 4 ครั้ง เราก็กดปุ่ม on/off เพื่อปิดเครื่อง แล้วรอสักหน่อยค่อยเปิดใหม่ สัก 30 วินาทีก็ได้ ทีนี้ E 8 ก็น่าจะหายไปแล้ว ของภาษาปะกิตเค้าให้ถอดปลั๊กตอนปิดเครื่อง แต่เรากดปิดที่ปุ่มก็ยังโอเคอยู่
ทีนี้ เราก็สามารถรีเซ็ตซับหมึกจนเครื่องไม่ขึ้น E8 แล้ว ทำให้เราใช้งานสแกนเนอร์ได้ เพราะเวลาขึ้น E8 มันจะยืนยันว่า เครื่องอยู่ในสถานะการบำรุงรักษา มันจะไม่ยอมสแกน กระทั่งปลด E8 แล้ว มันจึงจะทำงานให้เราได้
ส่วนการรีเซ็ตตลับหมึกก็ดังปรากฏในหลายแห่งบนเน็ต .. แต่ยกมารวมไว้ที่นี่เลย กรณีจะใช้สแกนแล้วเครื่องติดไฟส้ม บ่งชี้ว่า ตลับดำกับสีใกล้หมด เราจะยังใช้สแกนได้ แต่หากไม่รีเซ็ตไว้ เวลาปิดเครื่องแล้วเปิดเครื่องมาอาจเจอไฟส้มกะพริบขึ้น Error ทำให้ใช้สแกนไม่ได้อยู่ดี จึงจำเป็นต้องทำไว้
ขั้นตอนที่ 1-4 เหมือนข้างบน ต่างกันที่ถอดปลั๊กเสียบปลั๊กแทนการปิดเปิดที่เครื่องเพื่อเข้า service mode ..
1. ปิดเครื่องซะก่อน คราวนี้ถอดปลั๊กด้วย(ใช้ปลั๊กต่อที่มีสวิทซ์ปิดเปิดจะสะดวก)
2. กดปุ่ม stop/reset พร้อมกับ ปุ่ม on/off ค้างไว้ เสียบปลั๊กหรือเปิดสวิทซ์ระหว่างกดสองปุ่มค้างอยู่ กระทั่ง on/off ขึ้นไฟเขียว .. อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม
3. ปล่อย stop/reset (อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม on/off) แล้วกดปุ่ม stop/reset 2 ครั้ง ครั้งแรกจะขึ้นไฟสีส้มที่ Alarm ครั้งที่สอง ไฟส้มจะหายไป
4. ทีนี้ก็ปล่อยปุ่ม on/off ได้แล้ว บางคนก็ให้ปล่อยปุ่ม on/off พร้อมกับการปล่อยปุ่ม stop/reset หลังกดครั้งที่ 2 แต่เราคิดว่าไม่น่าต่างกัน ต่อจากนั้นก็รอจนไฟเขียวที่ on/off ซึ่งกระพริบอยู่ ให้หยุดนิ่งเสียก่อน ก็จะเข้าสู่โหมด service ( service mode ) หน้าปัทม์ขึ้นเลข 0
5. กด + ข้างๆหน้าปัทม์ ให้ขึ้นเลข 1 แล้วกด start (ตรง color) 2 ครั้ง แล้วตามด้วยปุ่มปิดเปิด เครื่องจะสั่งพิมพ์ 2 แผ่น(อย่าลืมใส่กระดาษ)
6. พอพิมพ์ครบ 2 แผ่นหน้าปัทม์จะกลับมาขึ้นเลข 0 เราก็ยกฝาเพื่อเข้าถึงตลับหมึก ซึ่งตลับมันจะวิ่งมาทางซ้ายเหมือนจะพร้อมให้เปลี่ยนตลับ พอวิ่งมาถึงด้านซ้ายให้ถอดปลั๊กหรือกดสวิทซ์ปิดทันที
7. ถอดตลับไปเติมหมึกได้ หรือถ้ารีเซ็ตอย่างเดียวไม่ได้เติมหมึก ก็ปิดฝาแล้วเปิดเครื่องใหม่แบบปกติ(แบบไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊ก) ทีนี้เปิดมา ไฟส้มที่แสดงว่าตลับหมึกหมด(แต่ยังไม่กะพริบ)ก็หายไปได้ เรียกว่า รีเซ็ตตลับหมึกสำเร็จแล้ว
ปล. .. กรณีจะถ่ายเอกสาร ก็สแกนเอกสารเข้าเครื่อง แล้วจัดเก็บเป็น jpg นำไปแทรกในเอกสารเวิร์ด เพื่อให้ได้ขนาด A4 แล้วสั่งพิมพ์ออกมา ... เป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่ใช้เครื่องพิมพ์ตัวเก่าที่มีสแกนฯแต่ซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ที่ไม่มีสแกนเนอร์และถ่ายเอกสารไม่ได้ สำหรับตัวเองแล้วซื้อเครื่องพิมพ์แบบไม่มีสแกนเนอร์เพราะกะว่าเวลาถอดซ่อมฐานตลับหรือถอดซับหมึกไปล้างน่าจะง่ายกว่า
อีกเรื่องคือการเติมหมึก .. ต้องระวังอย่าเติมล้นจนเกินไป สีไม่ออกเฉยเลย ต้องเติมแล้วซับด้านล่างให้เป็นสามแท่งแบบไม่ซึมเข้าหากันหรือกินกัน .. เอ๊ะ มันกินกันได้เหรอเนี่ย แคนนอนดีอย่างเราไม่ต้องฉีดน้ำหมึกลึกมากก็ได้ ทำให้ไม่เสี่ยงที่เข็มจะไปทิ่มตำแผ่นกรองหมึกที่ปิดไว้ก่อนถึงช่องเปิดให้หมึกไหลออกหรือเสี่ยงไปโดนหัวพิมพ์ให้เสียหายได้ เวลาเติมก็ไม่รั่วไหลลงก้นเร็วนัก ทำให้เติมได้เยอะขึ้น เพราะจะใช้แรงดันบีบอัดฟองน้ำ ประเดี๋ยวสีก็ซึมกระจายไปทั่วฟองน้ำเอง แต่อย่าให้ล้นละกัน ถ้าล้นก็ดูดจากผิวๆออกจนดูดได้แต่อากาศ ก็น่าจะประมาณว่า ใช้ได้ ถ้าฟองน้ำยังอุ้มน้ำหมึกได้ดีอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหามากนะ สำหรับตลับใหม่ๆ
ไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊กให้วุ่นวายและสับสน ใช้วิธีเปิดที่ตัวเครื่องตามปกติ โดยกดปุ่ม reset และ power ค้างไว้จนไฟเขียวที่ power ขึ้น ก็กด reset 2 ครั้ง ครั้งแรกไฟส้มติดครั้งที่ 2 ดับ ให้ปล่อยปุ่ม power รอไฟเขียวนิ่ง แล้วจึงกด reset ตามจำนวนที่กำหนด ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น รีเซ็ตซับหมึกก็กด 4 ครั้ง ไฟส้มต้องติดสลับดับจึงจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง พอทำเสร็จก็ปิด power บางที่บอกให้ unplug ใครทำอย่างไหนไม่ได้ก็ลองอีกอย่าง น่าจะทำได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน ส่วนตัวเองนั้น ใช้ปิดที่ปุ่ม power แล้วเปิดใหม่เสมือนการรีสตาร์ทให้มีผลหลังการตั้งค่านั่นเอง
E8 หรือ error code 8 แปลได้ว่า ซับหมึกเต็ม มักจะเกิดหลังใช้งานเครื่องพิมพ์ได้ราวๆปีถึงปีเศษ(ระดับการใช้งานตามบ้าน) เมื่อขึ้น Error ดังกล่าว เครื่องพิมพ์จะหยุดการทำงานทุกอย่าง แม้ไม่ได้ใช้งานพิมพ์ ต้องการใช้งานสแกนเนอร์ที่ติดมาด้วย ก็จะทำไม่ได้ (ซับหมึกก็คือฟองน้ำที่อยู่ในเครื่องพิมพ์ตรงตำแหน่งด้านหลังของเครื่องพิมพ์อยู่ล่างๆเลย มีหน้าที่รับหมึกส่ว่นเกินที่ระบายจากการล้างหัวพิมพ์ตอนเปิดเครื่องหรือก่อนทำการพิมพ์ตามสั่ง ระบายผ่านทางท่อยางเล็กๆที่โยงไปด้านหลังตรงตำแหน่งฟองน้ำ ฟองน้ำนี้คือซับหมึก และใช้งานไปสักปีครึ่งถ้าไม่ได้ใช้หนักมากแบบร้านค้า ก็ราวๆนั้น ซับหมึกจะเริ่มชุ่มไปด้วยหมึกรองรับต่อไปไม่ได้ เวลาพิมพ์หมึกจะเลอะล้นพิมพ์งานได้คุณภาพแย่ลง ต้องแกะไปล้างแล้วผึ่งแห้งก่อนใส่กลับเข้าไปใหม่ บางคนใช้วิธีเจาะด้านหลังโยงท่อยางเล็กๆนั้นไปต่อเข้ากับขวดเล็กๆแทน กรณีโปรแกรมแจ้งว่าซับหมึกเต็มอันนั้นเป็นกระบวนการนับเราต้องรีเซ็ตซับหมึกให้กลับไปเริ่มต้นนับใหม่ ไม่งั้นเครื่องจะไม่ทำงานต่อ)
ในระยะใช้งานหนึ่งปีเศษนั้น ตลับหมึกใหม่ที่ซื้อมาราคาแพง หัวพิมพ์ที่ติดมากับตลับมักจะเริ่มมีการอุดตันที่ไม่สามารถล้างออกได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด และจะออกอาการพิมพ์แล้วเส้นขาดๆหายๆ หรือจางบางจุด งานพิมพ์เป็นทางการทำไม่ได้ แค่พิมพ์ไว้อ่าน บางรายสาหัสถึงขั้นเติมหมึกเท่าไหร่ล้างห้วพิมพ์เท่าไหร่หมึกไม่ออกซะงั้น บางครั้งก็มาจากสาเหตุคือฟองน้ำหมดอายุอุ้มน้ำหมึกไม่ดีเท่าเดิม .. ทั้งหมดนี้สรุปว่า ถึงเวลาซื้อตลับใหม่ ..
แต่ราคาตลับใหม่นั้น ซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ได้เลยแถมไ่ม่ต้องกังวลเรื่องหมึกเลอะเทอะตรงฐานตลับที่ต่อสายยางระบายหมึกส่วนเกินออกสู่ซับหมึก ไม่ต้องกังวลเรื่องซับหมึกเต็มต้องเอาไปล้างหรือต้องรีเซ็ตซับหมึก (มิต้องซื้อทุกปีหรือนี่ !)
ผู้คนมักถามไถ่กันว่า .. หากไม่ใช้พิมพ์ เรายังใช้สแกนเนอร์ได้ไหม ..
แล้วเราก็ทำได้สำเร็จหลังงมอยู่นาน ทำตามบนเน็ตแนะนำเท่าไหร่ไม่สำเร็จ หลายคนบอกว่าทำได้ เรากลับทำไม่ได้ ทั้งๆที่ทำตามเขาทุกขั้นตอน แต่ปริศนามันอยู่ตรงนี้นี่เอง
ขั้นตอนที่ทำแล้วสำเร็จ
1. ปิดเครื่องซะก่อน .. ไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊ก ไม่งั้นจะทำไม่สำเร็จอย่างที่เรางมแทบแย่ (ให้ผลต่างกันได้ยังไงก็ยัง งงๆอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่ใช่คนเขียนโปรแกรม)
2. กดปุ่ม stop/reset ค้างไว้ แล้ว กดปุ่ม on/off ค้างตาม จน on/off ขึ้นไฟเขียว .. อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม
3. ปล่อย stop/reset ก่อน(อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม on/off) แล้วกดปุ่ม stop/reset 2 ครั้ง ครั้งแรกจะขึ้นไฟสีส้มที่ Alarm ครั้งที่สอง ไฟส้มจะหายไป
4. ทีนี้ก็ปล่อยปุ่ม on/off ได้แล้ว รอจนไฟเขียวที่กระพริบๆนั้น หยุดนิ่งเสียก่อน ซึ่งถ้าใครเคยรีเซ็ตตลับหมึกจะพอรู้ถึงขั้นตอนนี้ เพราะขั้นตอนนี้คือการเข้าสู่ service mode เหมือนกัน แต่ต่างกันที่การถอดปลั๊กเสียบปลั๊กหรือการปิดเปิดที่ตัวเครื่องตอนจะเข้า service mode ซึ่งให้ผลต่างกัน (เน้นมากกก)
เมื่อเข้าสู่ โหมด service แล้ว ก็จะนำไปสู่การรีเซ็ตต่างๆได้ โดยผ่านการกดปุ่มรีเซ็ตตาำมจำนวนที่ระบุ ที่หาได้จากเน็ตก็มีดังนี้
The number of the Reset button pressing LED Function Remarks
0 time Green Power off
1 time Orange Service pattern print
2 times Green EEPROM print
3 times Orange EEPROM reset
4 times Green Waste ink counter reset
5. พอไฟเขียวที่ on/off นิ่ง หน้าปัทม์จะขึ้น 0 (=service mode) .. กดปุ่ม stop/reset ทั้งหมด 4 ครั้ง (4 times Waste ink counter reset) ย้ำว่า แต่ละครั้งต้องมีไฟส้มติดสลับกับดับ คือ กดครั้งที่ 1 ไฟส้มที่ Alarm ติด ครั้งที่ 2 ดับ ... ฯลฯ พอครบ 4 ครั้ง เราก็กดปุ่ม on/off เพื่อปิดเครื่อง แล้วรอสักหน่อยค่อยเปิดใหม่ สัก 30 วินาทีก็ได้ ทีนี้ E 8 ก็น่าจะหายไปแล้ว ของภาษาปะกิตเค้าให้ถอดปลั๊กตอนปิดเครื่อง แต่เรากดปิดที่ปุ่มก็ยังโอเคอยู่
ทีนี้ เราก็สามารถรีเซ็ตซับหมึกจนเครื่องไม่ขึ้น E8 แล้ว ทำให้เราใช้งานสแกนเนอร์ได้ เพราะเวลาขึ้น E8 มันจะยืนยันว่า เครื่องอยู่ในสถานะการบำรุงรักษา มันจะไม่ยอมสแกน กระทั่งปลด E8 แล้ว มันจึงจะทำงานให้เราได้
ส่วนการรีเซ็ตตลับหมึกก็ดังปรากฏในหลายแห่งบนเน็ต .. แต่ยกมารวมไว้ที่นี่เลย กรณีจะใช้สแกนแล้วเครื่องติดไฟส้ม บ่งชี้ว่า ตลับดำกับสีใกล้หมด เราจะยังใช้สแกนได้ แต่หากไม่รีเซ็ตไว้ เวลาปิดเครื่องแล้วเปิดเครื่องมาอาจเจอไฟส้มกะพริบขึ้น Error ทำให้ใช้สแกนไม่ได้อยู่ดี จึงจำเป็นต้องทำไว้
ขั้นตอนที่ 1-4 เหมือนข้างบน ต่างกันที่ถอดปลั๊กเสียบปลั๊กแทนการปิดเปิดที่เครื่องเพื่อเข้า service mode ..
1. ปิดเครื่องซะก่อน คราวนี้ถอดปลั๊กด้วย(ใช้ปลั๊กต่อที่มีสวิทซ์ปิดเปิดจะสะดวก)
2. กดปุ่ม stop/reset พร้อมกับ ปุ่ม on/off ค้างไว้ เสียบปลั๊กหรือเปิดสวิทซ์ระหว่างกดสองปุ่มค้างอยู่ กระทั่ง on/off ขึ้นไฟเขียว .. อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม
3. ปล่อย stop/reset (อย่าเพิ่งปล่อยปุ่ม on/off) แล้วกดปุ่ม stop/reset 2 ครั้ง ครั้งแรกจะขึ้นไฟสีส้มที่ Alarm ครั้งที่สอง ไฟส้มจะหายไป
4. ทีนี้ก็ปล่อยปุ่ม on/off ได้แล้ว บางคนก็ให้ปล่อยปุ่ม on/off พร้อมกับการปล่อยปุ่ม stop/reset หลังกดครั้งที่ 2 แต่เราคิดว่าไม่น่าต่างกัน ต่อจากนั้นก็รอจนไฟเขียวที่ on/off ซึ่งกระพริบอยู่ ให้หยุดนิ่งเสียก่อน ก็จะเข้าสู่โหมด service ( service mode ) หน้าปัทม์ขึ้นเลข 0
5. กด + ข้างๆหน้าปัทม์ ให้ขึ้นเลข 1 แล้วกด start (ตรง color) 2 ครั้ง แล้วตามด้วยปุ่มปิดเปิด เครื่องจะสั่งพิมพ์ 2 แผ่น(อย่าลืมใส่กระดาษ)
6. พอพิมพ์ครบ 2 แผ่นหน้าปัทม์จะกลับมาขึ้นเลข 0 เราก็ยกฝาเพื่อเข้าถึงตลับหมึก ซึ่งตลับมันจะวิ่งมาทางซ้ายเหมือนจะพร้อมให้เปลี่ยนตลับ พอวิ่งมาถึงด้านซ้ายให้ถอดปลั๊กหรือกดสวิทซ์ปิดทันที
7. ถอดตลับไปเติมหมึกได้ หรือถ้ารีเซ็ตอย่างเดียวไม่ได้เติมหมึก ก็ปิดฝาแล้วเปิดเครื่องใหม่แบบปกติ(แบบไม่ต้องถอดปลั๊กเสียบปลั๊ก) ทีนี้เปิดมา ไฟส้มที่แสดงว่าตลับหมึกหมด(แต่ยังไม่กะพริบ)ก็หายไปได้ เรียกว่า รีเซ็ตตลับหมึกสำเร็จแล้ว
ปล. .. กรณีจะถ่ายเอกสาร ก็สแกนเอกสารเข้าเครื่อง แล้วจัดเก็บเป็น jpg นำไปแทรกในเอกสารเวิร์ด เพื่อให้ได้ขนาด A4 แล้วสั่งพิมพ์ออกมา ... เป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่ใช้เครื่องพิมพ์ตัวเก่าที่มีสแกนฯแต่ซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ที่ไม่มีสแกนเนอร์และถ่ายเอกสารไม่ได้ สำหรับตัวเองแล้วซื้อเครื่องพิมพ์แบบไม่มีสแกนเนอร์เพราะกะว่าเวลาถอดซ่อมฐานตลับหรือถอดซับหมึกไปล้างน่าจะง่ายกว่า
อีกเรื่องคือการเติมหมึก .. ต้องระวังอย่าเติมล้นจนเกินไป สีไม่ออกเฉยเลย ต้องเติมแล้วซับด้านล่างให้เป็นสามแท่งแบบไม่ซึมเข้าหากันหรือกินกัน .. เอ๊ะ มันกินกันได้เหรอเนี่ย แคนนอนดีอย่างเราไม่ต้องฉีดน้ำหมึกลึกมากก็ได้ ทำให้ไม่เสี่ยงที่เข็มจะไปทิ่มตำแผ่นกรองหมึกที่ปิดไว้ก่อนถึงช่องเปิดให้หมึกไหลออกหรือเสี่ยงไปโดนหัวพิมพ์ให้เสียหายได้ เวลาเติมก็ไม่รั่วไหลลงก้นเร็วนัก ทำให้เติมได้เยอะขึ้น เพราะจะใช้แรงดันบีบอัดฟองน้ำ ประเดี๋ยวสีก็ซึมกระจายไปทั่วฟองน้ำเอง แต่อย่าให้ล้นละกัน ถ้าล้นก็ดูดจากผิวๆออกจนดูดได้แต่อากาศ ก็น่าจะประมาณว่า ใช้ได้ ถ้าฟองน้ำยังอุ้มน้ำหมึกได้ดีอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหามากนะ สำหรับตลับใหม่ๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)